002: วัคซีนและค่ายา
วันนี้ผมไปโรงพยาบาลตามกำหนดนัดคลินิกเบาหวาน เห็นคนในโรงพยาบาลมากมาย คนที่มาคลินิกเบาหวานเหมือนผมก็มีมากตามปกติประมาณ 60-70 คน คนที่เรียงแถวตรวจโควิดที่หน้าอาคารในโรงพยาบาลก็มีไม่น้อย เมื่อเข้าไปในจุดพักรอคิวซักประวัติและเห็นคนไข้ 70 คนแล้วผมก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าจะติดโควิดก็คือติดจากโรงพยาบาลนี่แหละ ไม่ได้ติดจากที่อื่นหรอก 55+
การนั่งรอคิวไม่น่าเบื่อสักเท่าไรเพราะผมมีโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย เนื่องจากสมัครโปรอินเทอร์เน็ตซิม GOMO ของ AIS เอาไว้แล้วจึงสามารถใช้เน็ตในโทรศัพท์อ่านนิยายรอเวลาได้โดยที่ไม่เบื่อ ซิม GOMO นี่ดีมากสำหรับการใช้งานของผมเพราะผมเป็นคนไม่ใช่เน็ตโทรศัพท์เพื่อความบันเทิงหนัก ๆ อย่างเช่นดูคลิปวิดีโอ เน็ตโทรศัพท์ของผมจะใช้ไปกับการกดเงินเอทีเอ็มแบบไม่ใช่บัตร การใช้แอพเป๋าตัง การใช้แอพเซเว่นหรือทรูวอลเลต (ไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ)
ตอนที่นั่งรอคิวก็มีคนนั่งข้าง ๆ ที่ดูจะอยู่นิ่งกับที่ไม่ได้เลย ต้องขยับตัวลุกไปลุกมาตลอด ไม่ทราบว่าเป็นเพราะลักษณะนิสัยเฉพาะตัวหรือว่ามีอะไรอย่างอื่น
ในตอนที่รอเรียกคิวพยาบาลก็ทำการฉีดวัคซีนไปด้วยเพราะผู้ป่วยเบาหวานเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญที่ต้องรับวัคซีนก่อนคนทั่วไป เนื่องจากผมไปทีหลังพยาบาลจึงตรวจไม่พบรายชื่อ แต่เมื่อสอบถามและตรวจสอบแล้วผมก็ได้รับสิทธิ์ฉีดวัคซีนอย่างไม่มีปัญหา วัคซีนเข็มที่สามนี้ฉีดหลังจากเข็มที่สองเป็นเวลาสามเดือนกว่า ๆ โดยเข็มแรกคือซิโนแว็ค เข็มสองคือแอสต้าเซเนก้าและเข็มสามที่ฉีดวันนี้คือไฟเซอร์
วัคซีนเข็มแรกไม่มีอาการอะไร แต่เข็มสองนี่อาการหนักพอควร ฉีดเข็มสามแล้วก็ต้องลุ้นว่าจะหนักเหมือนเข็มสองไหม ก็หวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรร้ายแรง ฉีดวัคซีนแล้วก็เข้าพบหมอ ระดับน้ำตาลผลลดลงมาอยู่ที่ 117 ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับระดับน้ำตาลก่อนหน้านี้ เป็นผลจากการเพิ่มยาอีกหนึ่งตัวมากินวันละครึ่งเม็ด (Piogitasone 30 MG/2) สรุปคือได้ยาชุดเดิมมากินต่อไป และนัดครั้งต่อไปในอีก 98 วัน นานเหมือนกัน
เมื่อไปรับยาก็จ่ายเงิน 30 บาทตามสิทธิ์บัตรทอง แต่ราคาเต็มของยาและค่าบริการพยาบาลทั้งหมดคือ 1,600 บาท ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้ แต่ภาระส่วนนี้ได้รับการแบ่งเบาไปตามมาตรการ 30 บาทรักษาทุกโรค ในอนาคต 30 บาทนี้คงจะถูกยกเลิกไป ต้องจ่ายเงินค่ายาเดือนละ 600 ก็ถือว่าเป็นภาระที่ส่งผลกระทบได้เหมือนกัน