Chapter 1: อิสระ | Machinegun Mage
สิ่งหนึ่งที่สามารถแบ่งแยกประเภทกลุ่มคนในโลกนี้ได้ก็คือความสามารถในการตั้งคำถาม คนประเภทหนึ่งไม่เคยคิดสงสัยในการใช้ชีวิต เพียงแค่หาอยู่หากินหาความบันเทิงใส่ตัวและสืบสายเลือดทอดต่อตระกูล สมองปัญญาและความสามารถใช้ไปกับการแก้ปัญหาที่จับต้องได้ วันนี้จะกินอะไร พรุ่งนี้จะกินอะไร ค่าเช่าบ้านจะหาจากไหน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูลูก ดูแลพ่อแม่ผู้ใหญ่ในบ้าน ยารักษาโรค เสื้อผ้า ความบันเทิง
คนกลุ่มนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด การใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าด้อยกว่าคนอีกกลุ่มหนึ่ง ขอเพียงไม่ทำร้ายผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้ สิทธิในการใช้ชีวิตของพวกเขากล่าวได้ว่าชอบธรรมไม่อาจโต้เถียง ทั้งยังอาจจะเป็นที่อิจฉาสำหรับคนอีกกลุ่มซึ่งมีความสามารถในการตั้งคำถามในอีกมุมมองที่ต่างไป คำถามที่มอบแท่นยืนให้พวกเขาเหยียบยื่นหัวขึ้นเหนือเมฆกั้นแบ่งความธรรมดาอันเรียบง่ายมั่นคงและความจริงของโลกที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง
ในทางวิทยาศาสตร์ คนกลุ่มแรกใช้ชีวิตใต้แรงดึงดูดของโลกตั้งแต่เกิดจนตายโดยไม่เคยคิดสงสัยว่าทำไมสิ่งของจึงเคลื่อนจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ คนกลุ่มหลังตั้งคำถามว่าทำไมวัตถุจึงเคลื่อนลงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
ในทางสังคม คนกลุ่มแรกใช้ธนบัตรจ่ายซื้อสินค้าจากร้านขายของเป็นปกติธรรมดา คนกลุ่มหลังตั้งคำถามว่าทำไมกระดาษที่พิมพ์ตัวเลขและรูปภาพจึงใช้แลกของได้ทั้งที่มันเป็นแค่แผ่นกระดาษ
ในทางศาสนา (ละเว้นไว้เพื่อหลีกดราม่า)
กิจ เป็นคนประเภทแรก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในขอบเขตของคนกลุ่มหลังและตั้งคำถามต่อความจริงของโลก แต่ชีวิตของเขาไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะปล่อยให้สมองสงบนิ่งความคิดตกผลึกปัญญา เพียงแค่ดิ้นรนหากินอยู่ก็หมดสิ้นพลังสมองของตน แรกเริ่มบัณฑิตปริญญาตรีจบใหม่ที่กำลังหางานเช่นเขาต้องหางานพิเศษทำเพื่อเลี้ยงตัวเองจนกว่าจะมีงานที่มันคงทำ จะเอาพลังสมองที่ไหนไปตั้งคำถามต่อโลกและจักรวาล
เขาไม่เข้าใจว่ามันเป็นเพราะความซวยสุดชีวิตหรืออย่างไร สี่ปีเต็ม ๆ ที่เขาต้องทำงานพิเศษเพราะหางานหลักที่ทำยาวนานไม่ได้ สาเหตุเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานสามารถนำไปเขียนนิยายตัวเอกชีวิตรันทดได้เต็มเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการถูกเด็กเส้นเบียดตกโควตา บริษัทไฟไหม้ล้มละลาย บังเอิญเห็นเจ้านายฟันเลขาในห้องทำงานแล้วถูกเมียเจ้านายไล่ออกเพราะคิดว่ารับเงินปิดปากจากเจ้านาย
จนถึงวันนี้ที่เขาต้องออกจากงานล่าสุดเพราะซินแสที่เจ้านายเชิญมาดูบริษัทกล่าวหาว่าเขาซึ่งเกิดปีขาลมีดวงข่มนาย
ทำไม? นี่เป็นครั้งแรกในหลาย ๆ ปีที่เขาตั้งคำถามต่อสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่างเช่นดวงชะตา แต่คำถามนี้ไม่ทราบว่าถูกถามกี่ครั้งจากคนนับไม่ถ้วน
“พี่ฉ่ำ ร้านพี่ยังขาดคนมั้ย” กิจโทรศัพท์หาพี่เจ้าของร้านซ่อมรถที่รับงานช่างร้อยแปด ร้านที่เขาทำงานพิเศษเข้า ๆ ออก ๆ หลายครั้งระหว่างที่หางานบริษัททำ
“ตกงานอีกแล้วเหรอวะ นี่ครั้งที่สามใช่มั้ย งวดนี้เพราะอะไรวะ” เสียงจากลำโพงโทรศัพท์เต็มไปด้วยความขำขัน กิจเล่าบอกเรื่องราวและเหตุผลให้อีกฝ่ายฟังและได้รับเสียงหัวเราะเป็นคำตอบดังคาด
“ไอ้เหี้ย ชีวิตมึงแม่งบันเทิงจริง ๆ มา ๆ กูเพิ่งรับงานโต๊ะโรงอาหารจากโรงเรียนมัธยม โครงเหล็ก ไม้เนื้อแข็ง ตัด เชื่อม ขัด ทาสี งานทำได้เป็นเดือน วันละสี่ร้อยเหมือนเดิม เข้าเที่ยงข้าวเย็น นอนเต็นท์หลังโรงงานเหมือนเดิม โอเคมั้ย”
“โอเคพี่ พรุ่งนี้ผมเข้าไปทำงานเลยนะ ขอบคุณมากครับ” บางครั้งกิจอดคิดไม่ได้ว่าสาเหตุที่เขาสามารถเข้ารับงานพิเศษในร้านนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาเป็นเพราะว่าเจ้าของร้านเห็นเขาเป็นแหล่งบันเทิงอย่างหนึ่ง
ชายหนุ่มถอนหายใจ ออกจากงานคราวนี้ไม่เลวร้ายนัก อย่างน้อยเขาก็ได้รับเงินชดเชยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
-+-+-+-+-+-
งานในโรงซ่อมรถเป็นงานที่เขาคุ้นเคย ร้านซ่อมรถร้านนี้เริ่มแรกเป็นเพียงร้านที่รับซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ จากนั้นจึงขยายเพิ่มซ่อมรถยนต์รวมล้างทำความสะอาด ชาวบ้านเห็นว่าในร้านมีเครื่องเชื่อมจึงสั่งทำชั้นวางของเหล็กเป็นครั้งคราว จากงานเล็กน้อยหลาย ๆ ครั้งร้านจึงเปิดรับงานช่างเหล็กเพิ่มอย่างเป็นทางการ
หน้าที่ของกิจตอนนี้คือการตัดเหล็กให้ได้ขนาดและจำนวนตามแผนการ ตัดเหล็กแล้วจึงเชื่อมเหล็กให้เป็นโครง สำหรับไม้ซึ่งเป็นหน้าโต๊ะและเก้าอี้ยาวจะตัดมาจากโรงไม้โดยไม่ต้องทำเอง แต่การประกอบ ขัดและทาสียังต้องทำในโรงซ่อมรถ
กลิ่นไหม้ของเหล็กเป็นกลิ่นที่กิจคุ้นเคย หน้ากากผ้าที่เขาสวมใส่ไม่ช่วยเรื่องกลิ่นเท่าไรนัก แต่แว่นตาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพราะไอควันเหล็กเชื่อมนั้นเต็มไปด้วยละอองเหล็กซึ่งสามารถสะสมบาดตาได้ถ้าหากเชื่อมเหล็กต่อเนื่องเป็นเวลานาน กิจซึ่งได้รับบทเรียนด้วยตนเองใส่แว่นป้องกันตัวทุกครั้งที่เชื่อม ถึงแม้ว่าสายตาของช่างเชื่อมคนอื่นจะมองดูเขาเหมือนมองดูเด็กน้อยอ่อนหัดเขาก็ไม่สนใจ เขาทราบว่าช่างเชื่อมจำนวนหนึ่งมองว่าการป้องกันตัวเองอย่างที่เขาทำเป็นสิ่งที่ เฉิ่ม อ่อน ด้อย ตรงกันข้ามกับความ เก๋า เจ๋ง เหนือ อย่างที่ตนเองทำ บางคนถึงกับเชื่อมด้วยตาเปล่าและใช้การหรี่ตาเอา
กิจคิดว่าคนที่ทำเช่นนี้ต้องการอย่างอื่นมากกว่าการทำงานให้เสร็จ เขาคิดสงสัยว่าในตอนที่ดวงตามีปัญหาในภายหลัง คนเหล่านี้จะมีความรู้สึกเสียดายโทษตนเองหรือไม่
งานเชื่อมโครงโต๊ะไม่มีอะไรซับซ้อน กิจทำงานโดยใส่หูฟังข้างหนึ่งฟังนิยายระหว่างทำงานไปด้วย จากเช้าถึงเย็นเขาทำงานไม่หยุดนอกจากพักระหว่างชั่วโมงประมาณห้านาทีและพักเที่ยง เขาทราบว่าความขยันตั้งใจทำงานเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้พี่เจ้าของโรงซ่อมรถยินดีรับเขาเข้าทำงานโดยไม่ซักถาม
วันนี้เป็นวันที่สี่ โครงโต๊ะเหล็กทำไปได้หนึ่งในสาม กิจที่เชื่อมโครงโต๊ะเสร็จยกโครงโต๊ะไปตั้งซ้อนกัน จากนั้นมองดูรถน้ำมันสองคันที่จอดเรียงกันในปั๊มน้ำมันข้าง ๆ ด้วยความสนใจ เขาทราบว่าปั๊มน้ำมันเหล่านี้มีถังน้ำมันขนาดใหญ่ฝังไว้ใต้ดิน แต่เขาไม่ได้เห็นการเติมน้ำมันเข้าถังใหญ่บ่อยครั้งนัก
กิจมองเห็นคนขับรถเดินออกมาจากห้องน้ำซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากถังน้ำมัน เห็นเขาหยิบซองบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อ เห็นเขาจ่อปากซองใส่ปากและเม้มคาบบุหรี่ออกจากซอง
กิจหันหน้ามองระหว่างรถที่กำลังเติมน้ำมันลงถังใหญ่ซึ่งอยู่ห่างจากห้องน้ำประมาณสิบเมตรกับคนขับรถที่ดึงไฟแช็คออกจากกระเป๋า เสียงกดไฟแช็คจากระยะห่างหลายสิบเมตรส่งมาไม่ถึงหูเขา แต่ต่อให้เสียงลอยมาเข้าหูก็คงจะถูกเสียงหัวใจของกิจกลบทับจนมิด
กิจไม่ทราบว่าคนขับรถคนนี้สูบบุหรี่ระหว่างที่เติมน้ำมันจากรถขนนำมันลงถังน้ำมันใหญ่มาแล้วกี่ครั้ง แต่เขาทราบว่าทุก ๆ ครั้งที่เขาสูบบุหรี่ระหว่างเติมน้ำมันนั้นไม่เคยก่อให้เกิดปัญหา เพราะถ้ามีปัญหา คนขับรถคนนี้ก็คงไม่ได้อยู่ที่นี่
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้กิจคิดถึงช่างเชื่อมที่ทำงานโดยไม่ป้องกันตัวเอง แต่ความแตกต่างก็คือว่า ปัญหาของช่างเชื่อมจะไม่เกิดขึ้นในตอนนี้แต่จะเกิดขึ้นในภายหลัง แต่ปัญหาของคนขับรถน้ำมันคนนี้จะเกิดขึ้นในทันที
กิจมั่นใจว่าสิ่งที่ผลักดันอยู่เบื้องหลังการกระทำที่ไม่สนใจต่อชีวิตตนและผู้อื่นของคนขับรถส่วนหนึ่งคือว่า เจ๋ง เก๋า และ เหนือ ที่เขาคิดว่าตัวเองมี สำหรับเขา คนที่กล้าสูบบุหรี่ระหว่างเติมน้ำมันคือคนที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป ในเมื่อทำมาแล้วหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่มีปัญหา ทำไมจะต้องมีปัญหาในวันนี้
กิจมองไม่เห็นไฟจากไฟแช็คขนาดเล็กจากระยะห่างไกลเกินยี่สิบเมตร แต่เขามองเห็นม่านน้ำตกแสงสีเหลืองแดงที่ไหลจากมือที่กดไฟแช็ค ม่านแสงลามลงถึงหน้าแข้งขากางเกงยีนขาดทะลุ แผ่ขยายเชื่อมต่อไปถึงรถน้ำมันคันใหญ่ที่ยังเติมน้ำมันลงถังไม่เสร็จ จากนั้นดอกไม้สีเหลืองส้มแดงจึงบานเปิดกลีบสาดทอแสงสว่างจ้าออกไปโดยรอบ ตามด้วยเสียงก้องกัมปนาททุ้มแน่นยิ่งกว่าลำโพงงานเวทีหมอลำเงินแสน
คำบรรยายหนึ่งย่อหน้าเต็มดำเนินจบในความจริงเพียงหนึ่งช่วงลมหายใจเข้าออก กิจนึกถึงความซวยในชีวิตจนถึงเวลานี้และคำถามหนึ่งก็แสดงตัวขึ้นในห้วงความคิด “สะเก็ดดระเบิดที่จะลอยเข้าหน้ากูคืออะไร อ้อ หัวจ่ายน้ำมันนี่เอง”
บ่อยครั้งที่เราดูหนัง เห็นฉากระเบิดแล้วก็คิดว่าถ้าหากเป็นเราในสถานการณ์เช่นนั้น การพุ่งตัวหลบสะเก็ดระเบิดดูจะเป็นอะไรที่ปกติธรรมดา แต่ความจริงก็คือว่า ความเร็วของสะเก็ดระเบิดมีมากกว่าคนทั่วไปจะจินตนาการเห็นภาพ ลองถามตัวเองดูว่าในชีวิตประจำวันของเรานั้น นอกจากรถที่วิ่งผ่านหน้าด้วยความเร็วแล้วมีอะไรที่พุ่งไปมาอย่างรวดเร็วเทียบเท่าบ้าง
สะเก็ดระเบิดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่านั้น
ทุกสิ่งดับวูบลง ชีวิตก็จบสิ้นกันดื้อ ๆ เช่นนี้เอง จนกระทั่งชายหนุ่มลืมตาขึ้นและเห็นตัวเองในป่าโปร่งใต้ฟ้าใสประดับดวงจันทร์สองดวง
สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วรวบรวมกันมากมายหลายประการ ทำให้สมองของกิจ “ค้าง” เหมือนคอมพิวเตอร์ที่ทำงานหลายอย่างพร้อม ๆ กันและทำไม่เสร็จสักอย่างเพราะต้องแบ่งความสามารถในการประมวลผลให้กับทุก ๆ สิ่งอย่างเท่าเทียม เขายืนนิ่งจ้องมองดูต้นไม้ใบหญ้าตรงหน้าแน่นิ่งไม่ขยับไวติง
หนึ่งนาทีต่อมา สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดกดข่มการประมวลผลอื่น ๆ ลงได้สำเร็จ กิจกระโดดม้วนตัวหลบสะเก็ดระเบิดแบบมึนตึงไม่มีเหตุผล ในระหว่างที่ม้วนตัวเขาก็ด่าตัวเองไปด้วยว่าจะกระโดดทำพ่ออะไร มองดูด้วยตาก็เห็นอยู่ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในโรงซ่อมรถ ตรงหน้าไม่มีปั๊มน้ำมัน ที่สำคัญ ไม่มีการระเบิด
เขาหลับตาลงพยายามตั้งสติคลี่คลายความปั่นป่วนภายใน ความสามารถในการเผชิญหน้ากับปัญหาเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่ทราบว่ามีติดตัว เพราะใช้เวลาไม่กี่นาทีเขาก็สามารถสงบจิตใจลงได้สำเร็จ
“ใช้ได้ครับ ตั้งสติได้เร็วดีทีเดียว” เสียงพูดภาษาไทยที่ดังขึ้นใกล้ ๆ ทำให้เขาต้องสะดุ้ง ใจที่เพิ่งจะสงบลงไปแตกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากก้าวถอยหลังห่างจากต้นเสียงได้ห้าก้าวเขาจึงมองเห็นที่มาของเสียงพูดได้อย่างชัดเจน ชายในชุดหนังสีเทาเข้มเกือบดำสวมหมวกกันน็อกครอบหัว ทั้งเสื้อผ้าและหมวกเต็มไปด้วยรอยขูดขีดเหมือนนักซิ่งที่ขับรถล้มมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ชะแลงที่เสียบข้างกระเป๋าสะพายยื่นออกมาเด่นชัด แต่ที่กระทบตามากกว่าก็คือปืนยาวจู่โจมที่สะพายเฉียง
ความตื่นเต้นที่ได้เห็นคนสะพายปืนเปลี่ยนเป้าหมายเมื่อกิจเห็นหญิงสาวลอยตัวอยู่ข้าง ๆ หญิงสาวผมสีฟ้าผิวขาวไข่ปอก ดวงตาเป็นประกายหยอกล้ออยากรู้อยากเห็น
ลอยได้ เหาะได้ ทำไมคนถึงลอยได้ ชายหนุ่มถามตัวเอง
“ผมจะสรุปให้ฟังแบบกระชับได้ใจความนะครับ” ชายชุดดำพูดเมื่อเห็นว่ากิจตั้งสติได้อีกครั้ง “ผมชื่อ บัญชา เป็นนักเดินทางข้ามมิติ อยู่ระหว่างการเดินทางตามหาหอคอยบาเบล การเดินทางข้ามมิติของผมจำเป็นต้องทิ้งรอยเอาไว้เหมือนหักกิ่งไม้ในป่า เวลาเดินทางกลับจะได้คลำทางถูก ตัวคุณคือร่องรอยเชื่อมต่อระหว่างมิตินี้กับมิติโลกเดิมของคุณ เข้าใจมั้ยครับ”
“คุณบัญชาจะบอกว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในโลกเดิมแต่อยู่ในโลกใหม่” กิจตั้งสติคิดตามแล้วพยักหน้าช้า ๆ ระหว่างเอ่ยถาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจได้ยากสำหรับคนที่อ่านนิยายมาไม่น้อยเช่นเขา มองดูซ้ายขวาเขาแยกไม่ออกว่าป่าในโลกนี้ต่างจากป่าในโลกเดิมอย่างไร
“ครับ ผมจะพาคนที่ใกล้ตายอย่างคุณเดินทางมาโลกใหม่พร้อมกับผม ถ้าหากคุณมีโรคร้ายผมก็จะรักษาให้ ถือว่าใช้การช่วยชีวิตแลกเปลี่ยนกับการใช้คุณเป็นตัวชี้ทางกลับบ้าน จากนั้นหาคนในโลกนี้ พาเดินทางไปอีกโลกหนึ่ง แล้วก็ทำแบบเดิมวนไปเรื่อย ๆ ”
สติของกิจยังไม่เข้าร่องเข้ารอยดีนัก เขาต้องใช้เวลาทำใจยอมรับอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อ “มัลติเวิร์ส?” (Multiverse)
“ใกล้เคียง” บัญชาตอบ เขาล้วงกระเป๋าและโยนยาดมแบบหลอดให้
กิจรับยาดมมาแล้วขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าจะให้ยาดมมาเพื่ออะไร เมื่อจ้องมองบัญชาเป็นเชิงไต่ถามจึงได้รับคำตอบ
“ดูเหมือนยาดม จริง ๆ ก็เป็นยาดม แต่ในยาดมมีหุ่นยนต์นาโนบอตขนาดเล็กที่จะประทับความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาในโลกนี้ใส่สมองคุณ ความสามารถในการสื่อสารกับคนบนโลกนี้เป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการเอาตัวรอด คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเชื้อไวรัสเชื้อแบคทีเรียในตัวคุณ ผมจัดการเคลียร์ให้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือคือผมจะเพิ่มความสามารถพิเศษให้คุณในระดับที่เท่าเทียมกับคนบนโลกนี้ ถือว่าช่วยเปิดทางให้คุณเติบโตในโลกนี้ได้”
“เหมือนในนิยายระบบที่มี System ใช่มั้ยครับ” กิจนึกถึงนิยายออนไลน์ที่ฟังบ่อย ๆ ระหว่างทำงาน
“ไม่เชิง” บัญชาส่ายหน้าหลังคิดเปรียบเทียบสามวินาที
กิจคิดถึงคำว่า “พลังพิเศษ” ที่อีกฝ่ายพูดถึงแล้วถาม “โลกนี้เป็นโลกที่มีพลังพิเศษแบบไหนครับ”
“โลกนี้เป็นโลกที่มีพลังออร่าในธรรมชาติ”
“ออร่า? เหมือนในนิยายเซียนจีนเหรอครับ” กิจตาลุกด้วยความตื่นเต้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นกังวลเมื่อนึกถึงสังคมอันโหดร้ายในโลกนิยายเซียนผู้ฝึกตน Cultivator
“คล้าย ๆ แต่ไม่ใช่” บัญชาส่ายหน้า
“แล้วผมใช้พลังออร่าได้มั้ยครับ คุณบัญชาจะให้พลังออร่าใช่มั้ยครับ” กิจถามด้วยความหวัง
“ถ้าหากผมใช้เวลาดัดแปลงร่างกายคุณมากกว่านี้ก็ใช้พลังออร่าได้ แต่ผมไม่มีเวลา” บัญชาตอบเสียงเรียบ
“ไม่มีเวลา หมายความว่าคุณบัญชาพาผมมาโลกนี้แล้วก็ปล่อยให้ผมตายตามลำพังเหรอครับ” กิจรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ
หญิงสาวผมฟ้าเลิกคิ้วสูงเหมือนมองเห็นตัวประหลาดก่อนจะขมวดคิ้ว เธอยกมือเหมือนจะลงมือทำอะไรบางอย่างแต่ถูกบัญชายกมือขึ้นยั้งไว้
“ถ้าคุณต้องการ ผมจะส่งคุณกลับไปเล่นไฟต่อก็ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้กิจจึงรู้ตัวว่าตนเองพูดผิดพลาดไป เขาลืมไปว่าอีกฝ่ายช่วยชีวิตเขาเอาไว้จากการระเบิด แม้จะถูกส่งมาโลกอื่น แต่นี่ก็เป็นชีวิตที่สองที่ต่อให้ต้องการก็เรียกร้องหาเอาไม่ได้
“ผมขอโทษครับ” ชายหนุ่มก้มหัวกล่าวขอโทษด้วยความสำนึกผิด “ถ้าเป็นไปได้ ผมขอความสามารถที่ช่วยให้ผมใช้พลังออร่าได้ หรือไม่ก็เป็นความสามารถที่ช่วยให้ผมมีพลังเอาตัวรอดในโลกนี้ได้ ผมทำงานพิเศษในโลกเดิมหลายอย่างแต่นอกจากงานในโรงซ่อมรถที่ผมทำนานกว่าที่อื่นแล้วผมไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ”
บัญชาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเปิดกระเป๋าเสื้อด้านข้าง หยิบเอาเข็มกลัดรูปคีมปากจระเข้ขนาดเท่าเหรียญสิบบาทส่งให้
“ปักเข็มกลัดใส่หลังมือแล้วจะกลายเป็นรอยสัก นี่เป็นเวิร์คช็อป (Workshop) ของอารยธรรมที่ล้ำสมัยกว่าโลกเดิมของคุณมาก เป็นชุดเครื่องมือทำงานช่างธรรมดาของคนในโลกนั้น แต่ถ้ามองจากมุมมองของคุณก็เทียบได้กับพลังเวทมนตร์เหนือธรรมชาติ มีระบบติดต่อผู้ใช้อัจฉริยะ คุณกรอกของที่ต้องการลงในหน้าต่างทำงานแล้วตัวเวิร์คช็อปก็จะออกแบบสร้างพิมพ์เขียวให้คุณได้”
กิจมองดูเข็มแหลมที่ยาวเท่าเล็บมือแล้วกลืนน้ำลาย เขาอ่านนิยายที่ตัวเอกต้องหยดเลือดใส่ของวิเศษมานับไม่ถ้วน แต่เมื่อต้องทำเองแล้วก็อดลังเลไม่ได้ แต่ในที่สุดเขาก็กลั้นใจปักเข็มแหลมลงบนหลังมือขวาจนมิดรวดเดียว
ความรู้สึกสัมผัสที่ได้รับเหมือนกับว่าแมลงตัวเล็กจิ๋วมุดผ่านใต้ผิวหนังจากหลังมือไปทั่วร่าง แต่แทนที่จะเป็นความเจ็บปวดกลับเป็นวูบวาบยุบยิบเหมือนตอนที่ลุกขึ้นยืนหลังจากนั่งส้วมเล่นโทรศัพท์นานเป็นชั่วโมง ตัวเขาย่อมไม่ทราบว่าเข็มกลัดนี้ทำงานอย่างไร จนกระทั่งม่านตาถูกปรับสภาพให้สามารถแสดงรูปภาพตัวหนังสือบนม่านตาได้โดยตรง การปรับสภาพร่างกายนี้ทำให้เขามองเห็นภาพตรงหน้าเหมือนมีจอคอมพิวเตอร์ขนาดยี่สิบกว่านิ้วลอยห่างไปในระยะเอื้อมมือถึง
= เปลี่ยนภาษาระบบปฏิบัติการให้เหมาะสมกับความรู้ของผู้ใช้
= ปรับสภาพร่างกายของผู้ใช้ให้อยู่ในระดับผู้ใหญ่ที่สุขภาพแข็งแรง
= วิเคราะห์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมจากความจำและร่างกายของผู้ใช้
= ขอบเขตการทำงานของ Workshop จะอิงกับขีดจำกัดความรู้ของผู้ใช้เป็นหลักตามกฎหมาย COSMOS
กิจรู้สึกได้ทันทีว่าอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บแปลบ เสียวแปล๊บ ร้อนวาบ เย็นวูบ ปวดหนึบ ตึงเข่ง เขาคุกเข่าลงสูดลมหายใจเข้าปากจนสุดก้นปอดสะกดกลั้นไม่ให้ตัวเองส่งเสียงครางออกมา จนกระทั่งเวลาผ่านไปสามนาทีอาการต่าง ๆ จึงหยุดลง เหลือแต่อาการปวดหนักในลำไส้เหมือนกับว่าร่างกายพยายามขับกากอาหารออกจากร่างที่ค้างไว้หลายวัน
บัญชาโยนกระดาษชำระให้กิจหนึ่งแพ็คเหมือนทราบล่วงหน้าว่าจะเป็นเช่นนี้ กิจยิ้มรับและกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน มุดหนีเข้าไปในป่าทิ้งระยะห่างเกือบห้าสิบเมตร ใช้เวลาเกือบสิบนาทีจึงเดินกลับมาหาบัญชาที่จุดเดิม
“ล้างมือ” บัญชาโยนขวดน้ำให้ กิจรับขวดน้ำมาด้วยสีหน้ายากบรรยาย เมื่อเขาล้างมือเสร็จแล้วจึงได้รับกระเป๋าเป้สะพายหนึ่งใบ สภาพกระเป๋าหนังฟอกดูเหมือนของทำมือหยาบ ๆ ที่ผ่านการใช้งานมานานสิบปี ในกระเป๋ามีอาหารสำเร็จแบบแท่งสองถุงใหญ่กินได้สิบวัน หลอดกรองน้ำดื่มและเครื่องใช้จำเป็นหลายอย่าง
สิ่งที่ได้ต่อมาคือเสื้อผ้าซึ่งเก่าพอ ๆ กับกระเป๋า กางเกงหนังฟอกเช่นเดียวกับกระเป๋าสะพายหลัง เสื้อตัวในทอจากใยพืชที่กิจไม่รู้จักสีเทาเข้ม เสื้อกั๊กตัวนอกแบบมีฮู้ดคลุมหัวเย็บจากหนังสวมได้พอดีตัว
“ของเสียที่ขับออกมาทางรูขุมขนทำให้คุณดูเหมือนคนที่ไม่ได้อาบน้ำมานานเป็นเดือน แบบนี้จะกลมกลืนกับผู้อพยพได้ไม่ยาก ผมปรับแต่งโทรศัพท์ให้คุณแล้ว ใช้ได้ต่อเนื่องร้อยปีไม่ต้องชาร์จ หรือถ้าจะชาร์จก็เอาไปต้มน้ำร้อน ระวังอย่าให้คนในโลกนี้เห็นเพราะนี่ไม่ใช่ของที่มีอยู่ในโลกนี้ คุณเดินไปทางนี้ประมาณสามกิโลจะเจอถนนดินที่ผู้อพยพใช้เดินทางจากเมือง” บัญชาชี้นิ้วไปยังด้านหนึ่งของป่าซึ่งกิจมองด้วยตาไม่เห็นว่ามีอะไรในอีกสามกิโลเมตรจากตรงนี้
“ผู้อพยพ?” กิจถาม
“ตรงนี้เป็นรอยต่อชายแดนระหว่าง ประเทศลาดา กับ ประเทศพาราฟิน ประเทศลาดาถูกสัตว์ออร่าบุกรุกจนล่มสลาย คนในประเทศแยกย้ายเดินทางเข้าประเทศที่อยู่ติดกัน พอคุณดมยาแล้วก็จะเข้าใจภาษาลาดากับภาษาพาราฟิน คุณเป็นคนที่ใช้พลังออร่าไม่ได้ ในโลกนี้ถือว่าเป็นคนพิการออร่าบกพร่อง แต่ถ้าเทียบกับคนธรรมดาที่มีพลังออร่าในตัวแล้วคุณก็ไม่ได้ด้อยกว่าอะไรเพราะคุณมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าชดเชย สิ่งแปลกประหลาดในโลกนี้มีเยอะ คนทั่วไปจะไม่ใส่ใจกับคุณเท่าไหร่ อย่าลืมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเผาเสื้อผ้าตัวเดิมทิ้ง”
กิจถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงในโดยไม่เกรงสายตาของหญิงสาวผมสีฟ้า เมื่อเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าของคนในโลกนี้ที่ดูเก่าโทรมแล้วตั้งใจจะเผาเสื้อผ้าชุดเดิม แต่บัญชาชี้นิ้วใส่เสื้อผ้าตัวเก่าของเขาก็สลายเป็นละออง ทำให้กิจต้องมองดูชายในชุดดำด้วยความตะลึงชื่นชม
“โอเคนะครับ หลังจากนี้คุณจะใช้ชีวิตยังไงก็ตามใจ แต่ถ้าจะให้ดีก็อย่าทำอะไรที่มันเลวร้ายเกินไป” บัญชายกมือกระดิกนิ้วเปิดอุโมงค์วงรีลักษณะเหมือนวงน้ำวนกลางอากาศและก้าวเข้าไปพร้อมกับหญิงสาวผมสีฟ้า
กิจพบตัวเองยืนอยู่เพียงลำพังในป่าไร้ผู้คน รู้สึกลังเลอย่างบอกไม่ถูก เขาได้เข้าใจอย่างแท้จริงในวันนี้เองว่าความรู้สึกนั้นเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เขาไม่อยากที่จะรู้สึกโดดเดี่ยวเช่นนี้ แต่ความรู้สึกเหงาหงอยของคนที่ทราบว่าตนเองมีชีวิตเพียงลำพังในโลกที่ไม่รู้จักจับกุมเกาะยึดแน่นเป็นเนื้อเดียวแยกออกจากความรู้สึกอื่นไม่ได้ เหมือนเสื้อผ้าที่แนบรัดติดตัวแต่ใช้มือจับดึงถอดออกไม่สำเร็จ คล้ายกับกลายเป็นสีทาระบายบนผิวที่ต้องใช้เวลาในการขัดสีสลาย
ยาดมแปลภาษาถูกจ่อเข้าจมูกและสูดเข้าจนสุดปอด ผลคือความเย็นวาบตั้งแต่โพรงจมูกไปถึงก้านสมอง กิจระบายลมหายใจแล้วให้ความสนใจกับเวิร์คช็อปที่เขาเรียกเป็นภาษาไทยว่า “โรงงาน” อาศัยความตื่นเต้นของการได้รับพลังพิเศษช่วยกลบเกลื่อนความโดดเดี่ยวให้สร่างซาลง
“สร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ใช้พลังออร่าในโลกนี้ได้” เขาพิมพ์คำสั่งลงในช่องกรอกสร้างพิมพ์เขียวบนหน้าจอโรงงาน
= ข้อมูลเกี่ยวกับออร่าในสมองของผู้ใช้ไม่เพียงพอ โปรดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับออร่าเพิ่มเติมเพื่อการออกแบบสร้างพิมพ์เขียว
ความตื่นเต้นกล้ายเป็นความผิดหวัง ดูเหมือนว่าโรงงานในตัวเขาจะไม่คุ้นเคยกับโลกที่มีพลังออร่าใบนี้ กิจปิดหน้าต่างโรงงานหลังเปิดดูรายการความสามารถของโรงงานทั้งหมด เขาถอนหายใจอีกครั้งเมื่อทราบว่าโรงงานในตัวไม่มีความสามารถในการเก็บของเข้าตัวเหมือนช่องเก็บของในเกม สิ่งที่พอจะเรียกว่าเป็นความสามารถพิเศษของเขาในตอนนี้ก็คือความสามารถในการวัดความยาวและวัดมุมสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า รวมถึงความสามารถในการซูมภาพขยายเหมือนกล้องถ่ายวิดีโอที่ทำให้วัตถุระยะห่างห้าเมตรขยายใหญ่เหมือนอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ
ความสามารถในการมองซูมขยายถือว่ามีประโยชน์ แต่ความสามารถในการวัดความยาวเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์สุด ๆ สำหรับตัวเขาในตอนนี้
กิจยกเท้าก้าวออกเดิน มือแกะซองอาหารอัดแท่งรสชอกโกแลต เขาไม่แน่ใจว่าโลกนี้มีแรงดึงดูดน้อยกว่าโลกเดิมหรือตัวเขามีแรงกำลังมากขึ้น การยกเท้าดูจะง่ายกว่าเดิมอย่างรู้สึกได้ การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับออร่าถูกยกขึ้นมาเป็นสิ่งที่ต้องทำรองลงมาจากการแฝงตัวเข้ากลุ่มผู้อพยพ