Funfic

Chapter 4: ตั้งตัว | Machinegun Mage

2025-01-03

การเดินทางในวันที่สามไม่มีอะไรตื่นเต้น ความอึดอัดจากเมื่อวานถูกความตื่นเต้นที่จะได้เห็นเมืองทรายเหล็กแทนที่ กิจรู้สึกว่าเขาสามารถปรับตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่เป็นสิ่งที่ดีเพราะในโลกของออร่ามาสเตอร์ใบนี้ ถ้าปรับตัวไม่ได้แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงการใช้ชีวิตอย่างคนปกติธรรมดา อย่าว่าแต่เขาต้องการที่จะเป็นผู้ใช้พลังออร่าในอนาคต

ถ้าเทียบกับอีกฟากหนึ่ง ที่ราบพ้นจากเขตภูเขามีต้นไม้น้อยกว่ามากเพราะต้นไม้จำนวนหนึ่งถูกคนตัดไปใช้ในเมืองทรายเหล็ก ในระยะทางสามกิโลเมตรเมื่อพ้นเขตป่าออกมากิจก็ได้เห็นพื้นที่การเกษตรที่ต้นไม้ถูกตัดจนโล่ง เขาไม่ทราบว่าพืชที่ขึ้นเป็นไร่กว้างขนาบถนนซ้ายขวาคืออะไร แต่เขาเห็นว่าพื้นที่เหล่านี้มีคนเฝ้ากระจายอยู่เป็นจุดครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด แทบทุกคนถืออาวุธไม้ยาวมีกระบอกยาวหนึ่งศอกติดตอนปลาย ดูไม่ออกว่าเป็นอาวุธประเภทได้

ซีกังบอกกับกิจว่านี่เป็นแปลงปลูกถั่วเผือก อาหารหลักของคนธรรมดาทั้งในประเทศลาดาและประเทศพาราฟิน เนื่องจากถั่วเผือกเหล่านี้เป็นอาหารของสัตว์จำพวกนกและหนูซึ่งคอยจ้องจะขโมยกิน ดังนั้นจึงต้องจัดคนเฝ้าไล่สัตว์ทั้งวันทั้งคืน ไม่เช่นนั้นแล้วพืชที่ใกล้จะถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็จะถูกขโมยกินจนหมด ไม้ยาวที่คนในไร่ถั่วใช้เป็นเครื่องมือขับไล่สามารถยิงก้อนออร่าที่สร้างความระคายเคืองต่อสัตว์ตัวเล็ก ใช้ไล่สัตว์โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อต้นถั่ว

ข้อดีของถั่วเผือกก็คือมีทั้งธาตุอาหารและออร่าซึ่งเป็นอาหารอย่างพอเพียงและไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ปลูกกว้างขวาง ที่จำเป็นก็คือคนเฝ้าไล่สัตว์ทั้งหลาย

สำหรับออร่ามาสเตอร์ อาหารธรรมดาอย่างเช่นถั่วเผือกไม่เพียงพอต่อการเสริมพลังออร่าในตัว การเพาะปลูกพืชออร่าจำเป็นต้องใช้สถานที่ซึ่งมีออร่าหนาแน่น พื้นที่อย่างเช่นเมืองทรายเหล็กมีความหนาแน่นของออร่าต่ำ ดังนั้นจึงไม่มีการปลูกพืชออร่าอย่างจริงจัง

สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวกำหนดเขตชายแดนระหว่างประเทศก็คือพื้นที่ซึ่งออร่ามีความหนาแน่นต่ำ เมื่อออร่ามีความหนาแน่นต่ำประเทศก็ไม่ต้องการที่จะเสียกำลังคนมาแย่งชิงคุ้มกัน สุดท้ายแล้วเขตแนวที่มีพลังออร่าต่ำจึงกลายเป็นเขตชายแดนแบ่งประเทศไปโดยปริยาย

ถนนเข้าเมืองทรายเหล็กมีความกว้างกว่าทางเดินในป่าที่ผ่านมาอย่างเทียบไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นถนนดินอัด แต่ความกว้างห้าเมตรก็สร้างความรู้สึกอันเป็นทางการของสิ่งที่เรียกว่าถนน สร้างขึ้นมาเพื่อนการสัญจร ไม่ใช่ถนนที่เกิดขึ้นจากการเดินผ่านเป็นประจำของคนในพื้นที่

เนื่องจากตระกูลซีใช้เส้นทางลัดตัดภูเขาทำให้เดินทางมาถึงเมืองทรายเหล็กก่อนผู้อพยพคนอื่น ๆ ที่ตอนนี้ยังคงเดินอ้อมแนวเขาซึ่งปลอดภัยกว่า ดังนั้นถนนจึงโล่งไร้ผู้คนเดินผ่านไปมา แต่สภาพนี้จะเปลี่ยนไปในอีกไม่กี่วันเมื่อผู้อพยพกลุ่มอื่น ๆ เดินทางมาถึง

ซีกังต้องการที่จะใช้โอกาสในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนความวุ่นวายเตรียมตัวปักหลักปักฐานให้เรียบร้อย เพราะหลังจากนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ลำบากกว่าเดิมเพราะจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ

กิจมองดูเมืองที่มีกำแพงสูงเกินสิบเมตรตรงหน้า อาจจะเป็นเพราะว่าเมืองนี้เป็นเมืองชายแดนทำให้มีการสร้างกำแพงสูงเป็นพิเศษ จุดประสงค์ในการสร้างกำแพงสูงเพื่อป้องกันตัวเมืองจากชาวลาดาหรือสัตว์ออร่าก็คงไม่สามารถแยกออกจากกัน แต่กิจไม่เคยเห็นสิ่งก่อสร้างใดในโลกเดิมของเขาที่มีความสูงและทอดยาวต่อเนื่องจากตะวันออกไปถึงตะวันตกกว้างถึงหนึ่งกิโลเมตรเต็ม ๆ ในโลกเดิมมีตึกสูงก็จริง แต่ตึกสูงนั้นโดดเดี่ยวชี้ตั้ง ไม่ใช่กำแพงทอดยาวที่เหมือนจะกั้นฟ้าดินออกจากกันเช่นนี้

จุดที่พักค้างแรมชั่วคราวของนักเดินทางอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณห้าร้อยเมตรทางทิศเหนือ ใกล้กับแม่น้ำทรายเหล็กซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองทรายเหล็ก แม่น้ำแห่งนี้มีต้นน้ำในเทือกเขาทรายเหล็กที่กิจและตระกูลซีเพิ่งจะข้ามมา ทอดยาวไปจนถึงเมืองหลวงที่กึ่งกลางประเทศทะลุไปถึงทะเลทางตะวันออกสุด

จุดที่พักค้างแรมริมแม่น้ำมีกระโจมตั้งอยู่ก่อนหลายสิบกระโจม หมายความว่านอกจากระกูลซีแล้วยังมีผู้อพยพคนอื่นที่เดินทางมาถึงก่อนใคร บางทีคนเหล่านี้อาจจะมีความคิดอย่างเดียวกับซีกัง จัดการตั้งตัวให้เร็วที่สุดก่อนที่ความวุ่นวายจะมาถึง

ซีกังไม่รอให้ถึงเวลาเช้า เขานำซีวอนและคนในตระกูลอีกสองคนเดินเข้าเมืองพร้อมสัมภาระจำนวนหนึ่งเพื่อติดต่อดำเนินการเก็บข่าวสารโดยเร็วที่สุด ซีม่อนและคนในตระกูลคนอื่น ๆ เดินลัดเลาะไปตามกระโจมต่าง ๆ เพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติม

กิจเลือกที่จะปักหลักข้างกระโจมของตระกูลซี เขาเห็นว่าตัวเองมีฐานะพิเศษเป็นคนพิการออร่าบกพร่อง ถ้าหากเดินไปมาแบบไม่ระวังตัวก็อาจจะเจอตัวร้ายแบบในนิยาย ประเภทที่เห็นเขาเป็นคนพิการอ่อนด้อยแล้วเข้ามาเยาะเย้ยถากถางหาเรื่อง การปักหลักอยู่ข้างกระโจมตระกูลซีดูจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

แน่นอนว่าหูเขาจะต้องคอยจับฟังบทสนทนาโดยรอบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อซีม่อนกลับมายังกระโจมแล้วจึงสอบถามข่าวสารความเป็นไปต่าง ๆ บางทีเขาอาจจะไม่ต้องเอ่ยปากถามเพราะซีม่อนเองก็เป็นคนช่างพูดเหมือนซีวอน เพียงแค่นั่งเฉย ๆ ซีม่อนก็คงจะคันปากเล่าทุกอย่างที่ได้ยินให้เขาฟังจนหมด

ซีกังออกจากเมืองทรายเหล็กก่อนสองทุ่มซึ่งเป็นเวลาปิดประตู สีหน้าที่ดูเป็นปกติทำให้ตระกูลซีคนอื่น ๆ รู้สึกผ่อนคลาย ซีวอนเองก็ถือถุงใส่ของที่ซื้อจากในเมืองจำนวนมากเดินก้าวยาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“เป็นอย่างที่พี่กังคิดเอาไว้ ขนาดว่าพวกเรามาถึงก่อนใครยังต้องเจอของที่ขึ้นราคาสิบเปอร์เซ็นต์” ซีวอนวางถุงใส่ของที่ซื้อมาจากในเมืองลงหน้าญาติผู้หญิงเพื่อแจกของกินให้สมาชิกคนอื่น ๆ แม้แต่กิจเองก็ได้ของกินเล่นเป็นผลไม้เคลือบน้ำตาลที่เขาสัมผัสรสหวานไม่ได้แม้แต่น้อย ความหวานในน้ำตาลที่ใช้เคลือบผลไม้นี้เป็นความหวานจากสัมผัสออร่าที่เขาไม่มีติดตัว

ซีม่อนที่เก็บข้อมูลโดยรอบเรียบร้อยแล้วก็เล่าให้ทุกคนฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จากนั้นจึงเป็นซีกังที่บอกข่าวจากในตัวเมืองให้คนในตระกูลทราบ

“ราชวงศ์ ซันเซ ล่มสลายแล้ว ราชาสัตว์ออร่า อันเดล บุกเข้าไปถึงในวัง ฆ่านายพลผู้คุ้มกันทั้งหมดรวดเดียว ไม่มีทายาทเหลือแม้แต่คนเดียว” ซีกังพูดถึงราชวงศ์ซันเซซึ่งเป็นผู้ปกครองประเทศลาดา “เรือนลัดฟ้า เปิดรับผู้อพยพจากประเทศลาดาแต่ผู้อพยพที่เดินทางข้ามเมืองชายแดนได้จะต้องผ่านการคัดกรองก่อน คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ รับแต่ออร่ามาสเตอร์ที่ไม่ก่อปัญหากับคนในตระกูล แล้วก็คนที่มีทักษะสูงหรือไม่ก็ตระกูลที่มีฐานะ ตระกูลซีของเราไม่เข้าข่าย หมายความว่าพวกเราจะต้องปักหลักอยู่ที่เมืองชายแดน”

คนตระกูลซีนิ่งเงียบจ้องหน้าซีกังรอคอยว่าหัวหน้าตระกูลจะตัดสินใจอย่างไร

“สำหรับตระกูลซีของเรา นี่ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม ยังไงพวกเราก็ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองชายแดนตั้งแต่แรกแล้ว แค่ย้ายจากประเทศลาดาเป็นประเทศพาราฟิน แต่สังคมการปกครองในประเทศพาราฟินจะไม่เหมือนประเทศลาดา ประเทศลาดาปกครองด้วยระบบราชาธิปไตย แต่ประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบเรือนใหญ่ เพราะฉะนั้นพวกเราต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ จะทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้”

“มันต่างกันยังไงเหรอพี่” ซีม่อนถาม สำหรับพี่แท้ ๆ แต่มีอายุห่างจากเขาเกือบยี่สิบกว่าปีผู้นี้ ซีม่อนมีความเกรงมากกว่าความใกล้ชิดสนิทสนม ซีม่อนเป็นลูกร่วมพ่อกับซีกัง พ่อของซีกังแต่งงานกับแม่ของซีม่อนที่มีอายุน้อยหลังจากที่แม่ของซีกังป่วยเสียชีวิต ความเคารพนับถือก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ซีม่อนมีให้ซีกังอย่างเต็มเปี่ยมเพราะซีกังไม่เคยแสดงความรังเกียจต่อแม่ของเขาซึ่งอยู่ในสถานะแม่เลี้ยงและช่วยดูแม่ของซีม่อนมาโดยตลอด

ซีวอนเป็นลูกของอาซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากอายุของซีวอนไม่ห่างจากซีม่อนมากนัก ดังนั้นทั้งสองจึงมีความสนิทสนมกันมากกว่า บางทีนิสัยช่างพูดของซีม่อนก็อาจจะติดต่อมาจากซีวอนนั่นเอง

ซีกังดื่มน้ำอึกหนึ่งก่อนจะอธิบาย “ระบอบเรือนใหญ่ก็หมายความว่าเอาลักษณะเด่นของตระกูลมาเป็นตัวแบ่งแยกขั้นตอนการกระจายอำนาจ หัวหน้าตระกูลคือผู้ปกครองใหญ่สุด เมียใหญ่ เมียรอง ญาติใกล้ชิด ญาติห่าง ๆ พ่อบ้าน ลูกบ้าน คนรับใช้ ลูกจ้าง ที่ใช้คำว่าเรือนใหญ่ก็เพราะว่าในประเทศนี้กับประเทศใกล้ ๆ มีขุมกำลังอื่นที่ใหญ่ไม่ต่างกัน ตัวอย่างก็ โรงเรียน โรงพยาบาล โรงพัก โรงงาน มหาวิทยาลัย บริษัท สหกรณ์”

“อันนี้ผมรู้” ซีม่อนรีบยกมือ “โรงเรียนก็คือที่ที่ออร่ามาสเตอร์สอนวิชาออร่า คนที่จะเป็นนักเรียนต้องผ่านการทดสอบก่อนถึงจะเป็นนักเรียนในโรงเรียนได้ โรงพยาบาลก็จะมีออร่ามาสเตอร์ที่รักษาคน โรงงานจะทำอุปกรณ์ออร่าขาย บริษัทก็คือกลุ่มออร่ามาสเตอร์พ่อค้าแม่ค้า”

ซีกังพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “โดยรวมเป็นแบบนั้น เรือนลัดฟ้าเป็นกลุ่มออร่ามาสเตอร์ที่ทำหน้าที่จัดการดูแลคนธรรมดาในประเทศโดยเฉพาะ ที่ประเทศลาดาล่มสลาย สาเหตุสำคัญก็คือว่าราชวงศ์ซันเซยึดอำนาจพยายามควบคุมออร่ามาสเตอร์ในประเทศเอาไว้ในมือราชวงศ์ทั้งหมด พอสัตว์ออร่าบุกประเทศ ออร่ามาสเตอร์ที่ไม่อยากจะอยู่ใต้อำนาจราชวงศ์ซันเซก็ทิ้งเมืองหนี พอออร่ามาสเตอร์กลุ่มแรกหนี กลุ่มอื่นก็หนีตามกันเป็นทอด ๆ นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศลาดาล่มสลาย”

กิจฟังด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ตัวเขาเป็นคนไทย ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดถึงระบอบการปกครอง เขาเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งทุกครั้งแต่ไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงมีความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงของประเทศที่มีระบอบการปกครองแตกต่างกันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในสังคมที่คนจำนวนมากมีพลังเหนือมนุษย์

“ในประเทศลาดา อำนาจสูงสุดจะอยู่ในมือราชวงศ์ซันเซ แต่ที่นี่ อำนาจจะกระจายไปตามกลุ่มต่าง ๆ เพราะฉะนั้นเราจะมองแต่เรือนลัดฟ้าที่บริหารคนธรรมดาในประเทศไม่ได้ เราต้องคิดถึงออร่ามาสเตอร์กลุ่มอื่นด้วย พี่ติดต่อกับเรือนลัดฟ้าเรียบร้อยแล้ว ตระกูลเราเป็นตระกูลนายพรานเก่าที่ขยายตัวมารับซื้อของป่าเลยได้รับสิทธิพิเศษจากเรือนลัดฟ้า พี่ซื้อที่ดินกว้างสิบไร่ทางเหนือของแม่น้ำทรายเหล็กติดเขตป่าโบราณ ที่ดินครึ่งหนึ่งถางเคลียร์เรียบร้อยแล้ว แต่อีกครึ่งหนึ่งพวกเราต้องจัดการกันเอง”

“ป่าโบราณมีสัตว์ออร่าเยอะนะพี่ มันจะไม่เป็นไรเหรอ” ซีวอนถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

“สัตว์ออร่าที่อาศัยอยู่ชายป่าโบราณส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์เล็กที่ไม่อันตรายมาก พวกเราเป็นผู้อพยพ เลือกมากไม่ได้ ที่ดินติดป่าแบบนี้ก็ดีอย่างหนึ่งเพราะเราใช้เป็นจุดรับซื้อของป่าจากนายพรานที่เข้าไปล่าสัตว์ได้” ซีกังให้เหตุผล

“ถึงจะเป็นที่ดินติดป่า แต่นายพรานที่เดินทางออกมาถึงชายป่าแล้วเดินอีกหน่อยก็ถึงเมืองแล้วนะพี่” ซีวอนไม่เห็นด้วย

“วอนคิดได้ถูกต้อง เพราะฉะนั้น งานใหม่ที่พวกเราจะทำก็คือซื้อของไปขายให้กับนายพรานที่ล่าสัตว์เก็บของป่าอยู่ในป่า การรับซื้อของป่าที่ริมป่ามีไว้บริการคนที่ไม่อยากเข้าเมือง เป็นงานเสริม งานหลักคือขนของไปแลกของป่าเพราะในป่าโบราณจะมีจุดรวมตัวของนายพรานอยู่แล้วแต่ไม่มีใครเอาของไปขายที่นี่ เมืองทรายเหล็กเห็นว่าตระกูลซีมีประสบการณ์เดินป่า เลยให้สัมปทานมาโดยเฉพาะเพื่อรับมือกับกลุ่มผู้อพยพที่จะเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ พอมีคนมาก นายพรานหรือคนที่เสี่ยงโชคเข้าป่าก็จะมากขึ้น ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเรามาถึงที่นี่ก่อนใคร งานนี้อาจจะมาไม่ถึงมือตระกูลซี”

ความเชื่อมั่นต่อซีกังของคนตระกูลซีเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกหลายจุด เมื่อมีหัวหน้าตระกูลที่วางแผนตัดสินใจได้อย่างรอบคอบเช่นนี้แล้วคนอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจและสบายใจ

“แล้วก็น้องกิจ” ซีกังหันมาหากิจที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ

“ครับ ? ” กิจเลิกคิ้วถาม

“พี่จะจ้างน้องกิจเป็นคนงานประจำ แต่น้องต้องสร้างที่พักเอาเอง พี่จะให้พื้นที่น้องใช้งานหนึ่งไร่แบบไม่มีค่าใช้จ่าย นี่ไม่ใช่การให้ทานแต่เป็นการแลกเปลี่ยนเพราะมีงานบางอย่างที่น้องทำได้ดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป”

กิจกะพริบตาปริบ ๆ เข้าใจว่าอีกฝ่ายประเมินตัวตนของเขาว่าเป็นคนรักศักดิ์ศรีและไม่ต้องการรับทานจากใคร

“ขอบคุณพี่ซีกังมากครับ ตอนนี้ผมไม่คิดอะไรมากไปกว่ามีที่ซุกหัวนอน ผมก็ต้องหาของกินที่กินได้แบบไม่มีปัญหาด้วย” กิจหัวเราะ

ซีกังพยักหน้า พูดคุยสั่งงานคนในตระกูลอีกเล็กน้อยแล้วจึงแยกย้ายเข้านอน คืนนี้กิจมีความคิดในหัวมากมาย แต่ไม่เป็นปัญหาต่อการดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความฝันเพราะร่างกายเขาต้องการการพักผ่อน

เขาไม่ทราบว่าในกระโจมของตระกูลซีในตอนนี้ ซีกังตอบคำถามของคนในตระกูลว่าที่ดินหนึ่งไร่ที่แบ่งให้กิจใช้นั้นมากเกินไปหรือไม่ แต่ซีกังอธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่าสิ่งที่กิจทำได้ในฐานะผู้ป่วยออร่าบกพร่องนั้นมีค่ากว่าที่ดินหนึ่งไร่มาก

-+-+-+-+-+-

เช้าวันต่อมา คนตระกูลลีเดินทางด้วยฝีเท้าที่เร่งรีบมากกว่าปกติด้วยความตื่นเต้น การขึ้นแพข้ามแม่น้ำเป็นประสบการณ์ใหม่ที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสมาก่อน มีแต่ซีกังผู้เดียวที่เคยเดินทางข้ามแม่น้ำกว้างด้วยแพที่มีเชือกผูกข้ามแม่น้ำเช่นนี้

กิจรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมการข้ามแม่น้ำกว้างสามสิบกว่าเมตรจึงใช้แพและเชือกผูกลากแทนที่จะสร้างสะพาน ในเมื่อออร่ามาสเตอร์มีความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์แล้ว การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำที่ไม่ได้กว้างมากมายเช่นนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก

“มีเหตุผลสองอย่าง” ซีกังอธิบาย “เหตุผลแรก ถ้าหากอีกฟากของแม่น้ำไม่ใช่ป่าโบราณแล้วแม่น้ำกว้างแค่นี้จะใช้สะพาน แต่ถ้าสร้างสะพานที่นี่ สัตว์ออร่าในป่าก็จะข้ามแม่น้ำมาได้ง่าย ๆ แม่น้ำทรายเหล็กก็เป็นเหมือนกำแพงกั้นแยกเมืองออกจากป่าอีกชั้นหนึ่ง สาเหตุที่สองก็คือทรายเหล็กก้นแม่น้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาทรายเหล็ก ตอสะพานจะถูกทรายเหล็กที่พัดมากับแม่น้ำกัดเซาะ ต้องซ่อมบ่อย ๆ สุดท้ายเลยใช้แพไม้แทน”

กิจคิดในใจว่าถ้าใช้สะพานแขวนแล้วก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องตอสะพานถูกกัดเซาะ เพราะสะพานแขวนแบบที่ใช้เสาหลักริมแม่น้ำจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับทรายเหล็ก แต่เขาไม่คิดอะไรให้วุ่นวายจนเกินไปเพราะนี่เป็นโลกแห่งออร่า จะใช้เหตุผลจากโลกเดิมมาวิเคราะห์ก็อาจจะไม่เหมาะสม

เนื่องจากแพข้ามแม่น้ำเป็นสวัสดิการของเมืองทรายเหล็กซึ่งทำงานตามตารางเวลาทุกครึ่งชั่วโมง ดังนั้นตระกูลซีจึงไม่ต้องจ่ายเงินค่าข้าม เว้นแต่จะเป็นการข้ามแม่น้ำนอกเวลาซึ่งต้องจ่ายเงินค่าแรงให้กับคนลากแพเพิ่มอีกต่างหาก

ซีกังเปิดดูแผนที่และเดินตามถนนไปอีกสองกิโลเมตรจึงแยกเลี้ยวซ้ายไปทางตะวันตก เดินต่ออีกหนึ่งกิโลเมตรก็มาถึงเขตที่ดินซึ่งปักหลักแบ่งเอาไว้อย่างชัดเจน หลักแบ่งเขตที่ดินเช่นนี้มีให้เห็นตลอดทาง บนหลักหินขนาดใหญ่กว่าหลักกิโลเมตรมีตัวหนังสีอและตัวเลขกำกับพิกัดเอาไว้ให้สามารถนำมาเปรียบเทียบกับแผนที่ได้อย่างถูกต้อง

ตอนที่ได้เห็นตัวหนังสือบนหลักหินนี่เองที่กิจได้ทราบว่าเขาพูดได้ฟังได้แต่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ใช่แล้ว ตัวเขาในตอนนี้เป็นคนไม่รู้หนังสือ นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นกับตนเอง ถ้าไม่ได้พบเจอกับตน หลาย ๆ คนก็คงจะไม่เคยฉุกคิดว่าคนที่พูดกันได้ฟังกันรู้เรื่อง ความจริงแล้วอาจจะเป็นคนไม่รู้หนังสือ

ที่ราบลุ่มเชิงเขาเต็มไปด้วยก้อนหินเล็กใหญ่ ซีกังขมวดคิ้วเมื่อเห็นก้อนหินจำนวนมากเหล่านี้ นอกจากก้อนหินแล้วยังมีตอไม้จำนวนมากซึ่งเป็นร่องรอยของป่าที่ถูกตัดถางเปิดทางให้คนเข้ามาทำกิน ถ้าหากตระกูลซีจะทำการเกษตรบนที่ดินผืนนี้จะต้องเสียเวลาและแรงงานเพื่อเคลียร์พื้นที่ไม่น้อย ยังไม่นับรวมต้นไม้ถี่ในพื้นที่เกือบแปดไร่

เป็นอย่างที่เขาคิด คำพูดของลูกบ้านเรือนลัดฟ้าที่บริหารเมืองทรายเล็กนั้นเชื่อไม่ได้เต็มร้อย คำว่าเปิดป่าไปแล้วห้าไร่ ความจริงมีเพียงสามไร่ อีกเจ็ดไร่กว่า ๆ ยังเต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบ

หัวหน้าตระกูลถอนหายใจ อย่างน้อยตระกูลซีก็ถือได้ว่ามีความมั่นคงในระดับหนึ่ง แม่น้ำทรายเหล็กที่อยู่ใกล้ ๆ ก็เป็นแหล่งอาหารที่สามารถทำการประมงเล็ก ๆ กินในครัวเรือนได้ ถ้าหากไม่ใช่การประมงเพื่อการค้าที่จับสัตว์น้ำเป็นจำนวนมากในคราวเดียวแล้วเขาก็ไม่ต้องขออนุญาต

คนในตระกูลซีแยกย้ายกันสำรวจที่ดินที่จะกลายเป็นที่ตั้งของบ้านใหม่ด้วยดวงตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง กลุ่มผู้ชายเดินลึกเข้าไปในเขตป่าพร้อมกับขวานในมือเพื่อสำรวจไล่สัตว์ออร่า แต่พวกเขาไม่พบร่องรอยของสัตว์ใด ๆ ช่วยสร้างความสบายใจให้กับทุกคน

ที่ดินผืนนี้ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองทรายเหล็ก ด้านซ้ายมือ ทางตะวันตกเป็นเขตเทือกเขาทรายเหล็ก ทางเหนือสุดเป็นเขตป่าโบราณ ทางตะวันออกเป็นถนนและแนวป่ายาว ตัวถนนทอดเข้าไปในป่าด้านเหนืออีกประมาณหนึ่งกิโลเมตรจึงเปลี่ยนเป็นทางสายเล็กหลายเส้นเลี้ยวลัดไปตามช่องว่างของต้นไม้ใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าป่าของนายพรานและนักเก็บของป่าทั้งหลาย

สิ่งแรกที่ซีกังสั่งงานก็คือการตั้งกระโจมโดยทิ้งระยะห่างจากเขตป่าเพื่อความปลอดภัย กระโจมนี้จะกางอย่างแข็งแรงมั่นคงกว่าเดิม เสาไม้ขุดดินปักหลักลึก เชือกมันขึงแน่นหนา ห้องส้วมเองก็ทำขึ้นอย่างแข็งแรงโดยใช้ผ้าหนาและเสาไม้

กิจในตอนนี้คิดถึงอย่างอื่นคือน้ำดื่ม ขวดน้ำที่บัญชาให้มาเป็นแหล่งน้ำเพียงอย่างเดียวตลอดการเดินทาง ถ้าไม่ใช่ว่าซีกังแบ่งน้ำให้กิจดื่มอย่างประหยัดตลอดการเดินทาง เขาก็ไม่ทราบว่าจะทำเช่นไร จะเอาหลอดกรองน้ำมาดูดน้ำกินก็เกรงสายตาของคนอื่น ๆ อย่าว่าแต่แหล่งน้ำในภูเขาหาไม่ได้ง่าย ๆ

ตอนนี้เขามีแม่น้ำซึ่งอยู่ห่างไปประมาณสามกิโลเมตร แต่การที่จะขนน้ำจากแม่น้ำซึ่งอยู่ห่างขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

กิจส่ายหน้าพยายามเรียกสติกลับคืนมา สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือปัญหาเฉพาะหน้า เขาเดินไปหาซีกังสอบถามว่ามีภาชนะสำหรับบรรจุน้ำหรือไม่ ที่คาดไม่ถึงก็คือว่าซีกังเองก็กำลังจัดการกับปัญหาน้ำดื่ม ผู้ชายตระกูลซีสามคนช่วยกันตัดไม้ ใช้ขวานและมีดแต่งท่อนไม้ ใช้สิ่วเจาะไม้ทำเป็นรูเสียบเพลา หนึ่งชั่วโมงต่อมาก็สร้างรถลากเสร็จหนึ่งคัน รถลากแบบรถเข็นมีล้อตันน้ำหนักมาก แต่สามารถใช้งานขนของได้ นี่เป็นขีดจำกัดทางทักษะของคนตระกูลซีซึ่งไม่ได้เรียนรู้สืบทอดทักษะงานช่างมาโดยเฉพาะ อุปกรณ์ที่มีก็ใช้เพื่อซ่อมบำรุงรถลากระหว่างการใช้งานรับซื้อของป่าเท่านั้น

ด้านบนของรถลากมีโครงไม้สี่เหลี่ยมล้อมรอบ ในโครงวางไว้ด้วยหนังสัตว์ผืนใหญ่สีเข้มมีความหนาประมาณหนึ่งเซนติเมตร ยืดหยุ่นบิดพับได้เหมือนหนังฟอก เฉพาะแผ่นหนังผืนใหญ่ผืนนี้ผืนเดียวก็ต้องใช้สมาชิกตระกูลซีหนึ่งคนแบกโดยไม่ต้องหิ้วของอย่างอื่นติดตัวมาด้วย

“ไปตักน้ำกัน” ซีม่อนกวักมือเรียกหลังวางถังไม้ลงบนรถลาก

กิจช่วยซีม่อนเข็นรถมุ่งหน้าไปยังถนน เลือกเส้นทางที่มีหินน้อย หยุดพักเก็บหินให้พ้นทางเป็นครั้งคราว เมื่อถึงถนนแล้วทุกอย่างก็ง่ายขึ้น หัวใจที่หวั่น ๆ กลัวว่ารถลากที่ใช้เชือกมัดเข้าด้วยกันจะหักพับกลางทางของกิจผ่อนคลายลง แต่เมื่อคิดว่าถ้าตักน้ำใส่รถจนเต็มแล้วรถลากคันนี้จะรับน้ำหนักน้ำไหวหรือไม่ ประเมินด้วยตาแล้วหนังผืนใหญ่เมื่อกางใส่โครงไม้จนเต็มแล้วนาจะบรรจุน้ำได้มากกว่าหนึ่งร้อยลิตร

เหมือนจะคาดเดาความคิดของกิจได้ ซีม่อนหัวเราะและอธิบายให้กิจฟัง “ไม่ต้องกลัว รถลากคันนี้ไม่พังแน่นอน เราเคยขนมาแล้วหลายครั้ง”

กิจได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ